1.2.1 เป็นผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยว ที่ได้รับอนุญาตหรือดำเนินการถูกต้องตามกฎหมายและ
ยังเปิดให้บริการตามปกติ
1.2.2 เป็นผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยว ที่จดทะเบียนและได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยวกับกรมการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ก่อนวันที่ 1 มกราคม 2563 และมีการต่ออายุจนจบโครงการ (วันที่ 31 ตุลาคม 2565) กรณีเป็นผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวรายเดิมที่เคยลงทะเบียนไว้แล้ว ไม่ต้องลงทะเบียนใหม่
1.2.3 ผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวรายใหม่ที่ยังไม่เคยเข้าร่วมโครงการ จะต้องมีรายชื่ออยู่ในบัญชีรายชื่อของกรมการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ที่ส่งให้แก่ ททท. ตามหลักเกณฑ์ข้อ 1.2.2
และลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการตามที่ ททท. กำหนด
1.2.4 ไม่เป็นผู้ที่ถูกระงับสิทธิหรือถูกเรียกเงินคืนหรือถูกดำเนินคดีอาญาในโครงการกำลังใจ เราเที่ยวด้วยกัน หรือโครงการอื่นๆของรัฐ
1.2.5 ผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยว จะต้องเปิดใช้บริการแอปพลิเคชัน “ถุงเงิน” (ระบุเป็นประเภท
ผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวเท่านั้น) กับธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) (ธนาคารกรุงไทยฯ) ก่อน หากผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวมีแอฟพลิเคชัน “ถุงเงิน” ดังกล่าวแล้ว ก็สามารถลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ ผ่านเว็บไซต์
www.ทัวร์เที่ยวไทย.ไทย
1.2.6 รายการนำเที่ยวที่เข้าร่วมโครงการฯ ต้องมีระยะเวลาท่องเที่ยวไม่น้อยกว่า 3 วัน 2 คืน
มีการเดินทางข้ามจังหวัด และพักค้างคืนในจังหวัดอื่นที่ไม่ใช่จังหวัดที่เป็นจุดเริ่มต้นการเดินทาง โดยจะต้องมี
รายละเอียดและค่าใช้จ่ายการเดินทางท่องเที่ยวตั้งแต่จังหวัดเริ่มต้นเดินทาง จนถึงจังหวัดปลายทาง
1.2.7 ส่งรายการนำเที่ยว โดยแบ่งประเภท รูปแบบการให้บริการ ราคา และเงื่อนไขการเดินทาง อาทิ ระดับ Platinum Gold Silver พร้อมโครงสร้างราคาทุน ผ่านเว็บไซต์ www.ทัวร์เที่ยวไทย.ไทย
ทั้งนี้ สามารถส่งรายการนำเที่ยวรอบสุดท้ายภายในวันที่ 15 กันยายน 2565 เมื่อรายการนำเที่ยวผ่านการอนุมัติ
จากคณะกรรมการตรวจสอบรายการนำเที่ยวแล้วจึงนำขึ้นเว็บไซต์ www.ทัวร์เที่ยวไทย.ไทย เพื่อให้เสนอขายได้
1.2.8 รายการนำเที่ยว : จำนวน 30 รายการ ต่อ 1 บริษัท เมื่อผ่านการอนุมัติแล้วไม่สามารถเปลี่ยนแปลงแก้ไขได้ ทั้งนี้ รายการนำเที่ยวที่เสนอประกอบด้วย รายชื่อที่พัก ร้านอาหาร กิจกรรมท่องเที่ยว และอื่นๆ ที่กำหนดไว้ในรายการนำเที่ยว พร้อมทั้งแจ้งเลขประจำตัวผู้เสียภาษีของที่พัก ร้านอาหาร กิจกรรมท่องเที่ยว ทุกรายที่มีถุงเงินปรากฏในรายการนำเที่ยว
1.2.9 กรณี ททท. ตรวจพบรายการนำเที่ยวที่ผ่านการอนุมัติแล้วไม่เป็นไปตามเงื่อนไขของโครงการฯ ททท. จะแจ้งผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวให้ระงับการเสนอขายรายการนำเที่ยวที่ผิดเงื่อนไขนั้น
และแจ้งธนาคารกรุงไทยฯ ระงับระบบที่เกี่ยวข้องกับรายการนำเที่ยวนั้น ทั้งนี้ ผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวสามารถเสนอรายการนำเที่ยวที่ถูกต้องเข้ามาใหม่ได้ โดยไม่เกินจำนวน 30 รายการนำเที่ยวตามสิทธิ
1.2.10 รายการนำเที่ยว 1 รายการ ต้องผูกกับเบอร์โทรศัพท์ 1 หมายเลขเท่านั้น โดยสามารถขยายได้ 5 เครื่อง
1.2.11 การกำหนดช่วงระยะเวลาเดินทางท่องเที่ยวต้องไม่ทับซ้อนกันกับรายการนำเที่ยวเดียวกัน เช่น รายการนำเที่ยว A กำหนดออกเดินทางครั้งที่ 1 ในวันที่ 15-17 ตุลาคม 2564 และรายการนำเที่ยว A จะออกเดินทางครั้งที่ 2 ได้ในวันที่ 18-20 ตุลาคม 2564
1.2.12 ราคาที่แสดงในรายการนำเที่ยวเพื่อขอเข้าร่วมในโครงการฯ จะต้องเป็นราคาที่รวมค่าที่พัก ค่าอาหาร ค่าเดินทาง ค่าบริการอื่น ๆ สำหรับนักท่องเที่ยว และรวมภาษีทั้งหมดแล้ว
1.2.13 จำนวนสิทธิที่ให้แก่ประชาชนรวมทั้งสิ้น 131,415 สิทธิ
1.2.14 จำนวนการให้บริการนำเที่ยวของผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยว ต่อ 1 บริษัท ไม่เกิน 1,000 คน
1.2.15 ประชาชนจ่าย 60% รัฐสนับสนุน 40% ไม่เกิน 5,000 บาท (1 คน ต่อ 1 สิทธิ)
ใช้บริการผ่านผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยว ที่มีการจดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย
1.2.16 ผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยว ต้องมีช่องทางรับชำระเงินออนไลน์ผ่านแอปพลิเคชัน
“ถุงเงิน” ทั้งนี้กระบวนการยืนยันตัวตนเพื่อใช้บริการแอปพลิเคชัน “ถุงเงิน” ให้เป็นไปตามที่ธนาคารกรุงไทยฯ
ซึ่งเป็นผู้จัดทำระบบให้แก่ ททท. และเป็นผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลสำหรับข้อมูลการพิสูจน์และยืนยันตัวตนดังกล่าวตามที่กำหนดในโครงการฯ
1.2.17 ผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยว ต้องให้ประชาชนที่มีสิทธิไปดำเนินการทำ dip chip
ภาพใบหน้าของผู้สมัครเข้าไปในฐานข้อมูลของธนาคารกรุงไทยฯ ตามวิธีการที่ธนาคารกำหนดก่อน เพื่อให้ระบบ
ทำการตรวจสอบสิทธิของการเข้าร่วมโครงการฯ เป็นไปตามที่ ททท. กำหนด จึงจะทำการลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ ได้ เว้นแต่ประชาชนที่เคยเข้าร่วมโครงการของภาครัฐมาก่อนและได้ดำเนินการทำ dip chip
ของธนาคารกรุงไทยฯ แล้ว
1.2.18 ผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยว ต้องให้ประชาชนยืนยันตัวตนในแอปพลิเคชัน “ถุงเงิน”
โดยการสแกนใบหน้าก่อนออกเดินทางในวันแรก ณ จังหวัดต้นทางตามรายการนำเที่ยว และในระหว่าง
การเดินทางผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยว ต้องยืนยันระหว่างการเดินทางในแอปพลิเคชัน “ถุงเงิน” โดย สแกน
QR Code กับ แอปพลิเคชัน “ถุงเงิน” ของโรงแรม ร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก แหล่งท่องเที่ยวทุกแห่ง
ที่ปรากฏอยู่ในรายการนำเที่ยวตามที่เสนอบน www.ทัวร์เที่ยวไทย.ไทย ในวันสิ้นสุดของการเดินทางผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวต้องให้ประชาชนยืนยันตัวตนในแอปพลิเคชัน “ถุงเงิน” โดยการสแกนใบหน้า ณ จังหวัดที่พักสุดท้ายของการเดินทางตามรายการนำเที่ยว
1.2.19 ผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวต้องให้ความร่วมมือในการสุ่มตรวจระหว่างเดินทางโดย ททท.สำนักงานสาขาในประเทศ สำนักงานท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัด และตำรวจท่องเที่ยวในพื้นที่
1.2.20 ผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวต้องปฏิบัติตามและไม่เคยฝ่าฝืนมาตรการใด ๆ ของรัฐเกี่ยวกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019
1.2.21 ปฏิบัติตามมาตรการของศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส
โคโรนา 2019 กระทรวงมหาดไทย (ศบค.มท.) ตามที่จังหวัดกำหนด
1.2.22 หากมีการร่วมกันกระทำผิดทุจริตทั้งผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวและประชาชนจะมีความผิดตามกฎหมายที่มีโทษทางอาญาถึงจำคุกและต้องคืนเงินที่ได้รับไปทั้งสิ้น
1.2.23 โครงการทัวร์เที่ยวไทย เป็นโครงการที่รัฐบาลใช้แนวคิดและวิธีการปฏิบัติดังเช่นโครงการอื่นๆ ที่ผ่านมา และขอสงวนสิทธิให้แก่ประชาชนที่มีอุปกรณ์ที่สามารถเข้าถึงสิทธิตามโครงการได้
1.2.24 โครงการทัวร์เที่ยวไทย โครงการเราเที่ยวด้วยกัน ประชาชนสามารถร่วมได้ทั้ง 2 โครงการได้ แต่กำหนดว่า ห้ามใช้ทั้ง 2 โครงการในเวลาเดียวกัน เพื่อลดการได้รับสิทธิประโยชน์ที่ทับซ้อนกัน และกระจายสิทธิให้ประชาชนอย่างทั่วถึง
1.3.1 มีหมายเลขประจำตัวประชาชน 13 หลัก
1.3.2 มีอายุ 18 ปีขึ้นไป ณ วันลงทะเบียน
1.3.3 เป็นผู้มีสัญชาติไทย
1.3.4 มีแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ทั้งนี้ ต้องดำเนินการยืนยันตัวตน (dip Chip) ภาพใบหน้าของผู้สมัครเข้าไปในฐานข้อมูลของธนาคารกรุงไทยฯ ตามวิธีการที่ธนาคารกำหนดก่อน เพื่อให้ระบบทำการตรวจสอบสิทธิของการเข้าร่วมโครงการ ซึ่งเป็นไปตามเงื่อนไขที่การท่องเทียวแห่งประเทศไทย (ททท.) กำหนด
จึงจะทำการลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการได้ เว้นแต่ ประชาชนที่เคยเข้าร่วมโครงการของรัฐมาก่อน
และได้ดำเนินการยืนยันตัวตน (dip Chip) ของธนาคารกรุงไทยฯ แล้ว เพื่อใช้บริการแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง”
(รวมทั้ง G-wallet ในบริการแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง”) ให้เป็นไปตามที่ธนาคารกรุงไทย (จำกัด) มหาชน
(ธนาคารกรุงไทยฯ) ซึ่งเป็นผู้จัดทำระบบให้รัฐบาลและเป็นผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลสำหรับข้อมูลการพิสูจน์
และยืนยันตัวตนดังกล่าวกำหนด
1.3.5 ช่วงระยะเวลาดำเนินโครงการฯ ตั้งแต่วันที่ 8 ตุลาคม 2564 ถึง วันที่ 31 ตุลาคม 2565
1.3.6 ให้ความยินยอมแก่ผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยว ธนาคารกรุงไทยฯ ผู้ให้รับชำระเงินออนไลน์ของผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยว และ ททท. หรือผู้ที่ได้รับมอบอำนาจจาก ททท. ในการจัดทำระบบการบริหารจัดการข้อมูลในการส่งข้อมูลการจองและข้อมูลส่วนบุคคลให้แก่ธนาคารกรุงไทยฯ ในฐานะผู้จัดทำระบบให้รัฐบาลและ ททท. ในฐานะผู้ดูแลโครงการเพื่อดำเนินการต่างๆ ตามโครงการฯ
1.6.1 สำเนาใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยว
1.6.2 ภาพถ่ายแอปพลิเคชัน “ถุงเงิน” ของผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวที่แสดงรายการสแกนเพื่อยืนยันเป็นหลักฐาน
1.6.3 รายการนำเที่ยวที่ให้บริการและมีการเดินทางตามรายการ
1.6.4 วันที่เดินทางตามรายการนำเที่ยว (เนื่องจากรายการนำเที่ยวเดียวกันมีการเดินทางหลายครั้งและมีวันที่เดินทางแตกต่างกัน)
1.6.5 ชื่อโรงแรม / สถานที่พัก
1.6.6 จำนวนและรายชื่อผู้เดินทางทั้งหมดใน 1 ทริป
1.6.7 จำนวนและรายชื่อผู้เดินทาง หรือผู้ประกอบการ ณ สถานที่ที่ต้องสแกนแอปพลิเคชัน
“ถุงเงิน” ที่มีการสแกนไม่เป็นไปตามเงื่อนไขและ/หรือที่ไม่สามารถสแกนได้
1.6.8 ภาพถ่ายหมู่คณะในเส้นทางท่องเที่ยว (วันเริ่มต้น ระหว่างทาง และวันสิ้นสุด
การเดินทาง) จำนวนไม่น้อยกว่า 4 ภาพ
1.6.9 ภาพถ่ายหมู่คณะและ/หรือผู้ประกอบการ โดยต้องมีภาพถ่ายของบุคคลที่ได้เดินทาง ไปจริงและ/หรือของผู้ประกอบการ ที่ไม่สามารถสแกนได้ หรือสแกนได้แต่ไม่ครบจำนวนตามเงื่อนไข โดยระบุชื่อประกอบภาพถ่ายเพื่อให้ทราบว่าภาพนั้นเป็นของบุคคลใดและ/หรือผู้ประกอบการใด
1.6.10 สำเนาใบอนุญาตเป็นมัคคุเทศก์ และ Job Order
1.6.11 กรมธรรม์ประกันอุบัติเหตุ (ที่มีรายชื่อผู้เดินทาง)
1.6.12 Rooming List ผู้ประกอบการธุรกิจนำเที่ยวจัดทำขึ้น และลงชื่อรับรองโดยโรงแรมที่ให้บริการ
1.6.13 ใบเสร็จรับเงินที่ออกให้กับนักท่องเที่ยว (ค่าซื้อรายการนำเที่ยว)
1.6.14 ใบเสร็จรับเงินค่าบริการต่าง ๆ ที่อยู่ในรายการนำเที่ยว เช่น ใบเสร็จรับเงินค่าที่พัก, ใบเสร็จรับเงินค่าอาหาร, ค่าทำกิจกรรม ฯลฯ)
1.6.15 สาเหตุและสภาพปัญหา
1.6.16 อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อประกอบการพิจารณาของคณะกรรมการฯ
ทั้งนี้ ททท. อาจพิจารณาเรียกเอกสารเพิ่มเติมเฉพาะบางรายการตามที่กำหนดข้างต้นได้ และขอสงวนสิทธิในการจ่ายเงินสนับสนุนให้กับผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยว กรณีผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวไม่สามารถส่งเอกสารตามที่ ททท. เรียกได้
- ก่อนเดินทาง
ประชาชนต้องยืนยันตัวตนในแอปพลิเคชัน “ถุงเงิน” ของผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยว โดยสแกนใบหน้าก่อนออกเดินทางในวันแรก ณ จังหวัดต้นทางตามรายการนำเที่ยว
- ระหว่างการเดินทาง
ผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวต้องยืนยันระหว่างการเดินทางในแอปพลิเคชัน “ถุงเงิน” โดยสแกน
QR Code กับโรงแรม ร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก แหล่งท่องเที่ยว ที่มีแอปพลิเคชัน “ถุงเงิน” ทุกแห่ง
ที่ปรากฏอยู่ในรายการนำเที่ยวตามที่เสนอบน www.ทัวร์เที่ยวไทย.ไทย
- วันสิ้นสุดการเดินทาง
ประชาชนต้องยืนยันตัวตนในแอปพลิเคชันถุงเงินของผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยว โดยสแกนใบหน้า ณ จังหวัดปลายทางที่พักสุดท้ายของการเดินทางตามรายการนำเที่ยว
ข้าพเจ้าได้อ่านรับทราบและตกลงยินยอมปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของโครงการฯ ข้าพเจ้าขอรับรองว่าข้อมูลที่ข้าพเจ้าได้ให้ไว้ในการลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ ถูกต้องตามความเป็นจริง ทุกประการ หากข้อมูลดังกล่าวไม่ถูกต้องตามความเป็นจริง ข้าพเจ้าตกลงยินยอมให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการระงับการจ่ายเงินตามโครงการฯ หรือยินยอมคืนเงินที่ได้รับพร้อมดอกเบี้ยแล้วแต่กรณี ทั้งนี้ ไม่ระงับซึ่งสิทธิของรัฐในอันที่จะดำเนินการตามกฎหมาย
เอกสาร ททท. ฉบับสมบูรณ์ 21 มิ.ย. 65
1.2.1 มีหมายเลขประจำตัวประชาชน 13 หลัก
1.2.2 มีอายุ 18 ปีขึ้นไป ณ วันลงทะเบียน
1.2.3 เป็นผู้มีสัญชาติไทย
1.2.4 มีแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ทั้งนี้ ต้องดำเนินการยืนยันตัวตน (dip Chip) ภาพใบหน้าของผู้สมัครเข้าไปในฐานข้อมูลของธนาคารกรุงไทยตามวิธีการที่ธนาคารกำหนดก่อน เพื่อให้ระบบทำการตรวจสอบสิทธิของการเข้าร่วมโครงการ ซึ่งเป็นไปตามเงื่อนไขที่การท่องเทียวแห่งประเทศไทย (ททท.) กำหนด จึงจะทำการลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการได้ เว้นแต่ ประชาชนที่เคยเข้าร่วมโครงการของรัฐมาก่อน และได้ดำเนินการยืนยันตัวตน (dip Chip) ของธนาคารกรุงไทยแล้ว เพื่อใช้บริการแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” (รวมทั้ง G-wallet ในบริการแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง”) ให้เป็นไปตามที่ธนาคารกรุงไทย (จำกัด) มหาชน (ธนาคารกรุงไทยฯ) ซึ่งเป็นผู้จัดทำระบบให้รัฐบาลและเป็นผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลสำหรับข้อมูลการพิสูจน์และยืนยันตัวตนดังกล่าวกำหนด
1.11.1 ผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยว สามารถทำการยกเลิกการจองเองบนแอปพลิเคชัน “ถุงเงิน” โดยแอปพลิเคชัน “ถุงเงิน” จะส่งอัพเดตสถานะแจ้งกลับมายังแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” และลูกค้าจะได้รับข้อความ (Notification) บนแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” รวมถึงรายการจองบนแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” จะเปลี่ยนสถานะเป็นยกเลิกการจองโดยผู้ประกอบการธุรกิจนำเที่ยว
1.11.2 ประชาชนสามารถทำการยกเลิกการจองผ่านแอปพลิเคชันเป๋าตัง โดยแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” จะแจ้งเตือน (pop-up) ให้ลูกค้ากดยืนยันการยกเลิก หลังจากกดยกเลิกรายการจองนั้นจะไม่แสดงบนแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” อีก และแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ต้องอัพเดตสถานการณ์ยกเลิกแจ้งกลับมาที่แอปพลิเคชัน “ถุงเงิน”
1.11.3 ในกรณีที่ประชาชน ทำรายการจองรายการนำเที่ยวจากผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยว
และได้รับการการแจ้งเตือนการจอง (Notification) ในแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” เพื่อชำระเงินรายการนำเที่ยว
(ซึ่งเป็นจำนวน 60% หลังจากที่ได้หักเงินสนับสนุนจากรัฐ 40% แล้ว) แล้วไม่ได้ชำระผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ภายในเวลา 23.59 น. ของวันที่ได้รับการแจ้งเตือนการจอง (Notification) ดังกล่าว การจองรายการนำเที่ยวจะถูกยกเลิกโดยอัตโนมัติ
- ก่อนเดินทาง
ประชาชนต้องยืนยันตัวตนในแอปพลิเคชัน “ถุงเงิน” ของผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยว โดยสแกนใบหน้าก่อนออกเดินทางในวันแรก ณ จังหวัดต้นทางตามรายการนำเที่ยว
- ระหว่างการเดินทาง
ผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวต้องยืนยันระหว่างการเดินทางในแอปพลิเคชัน “ถุงเงิน” โดยสแกน QR Code กับโรงแรม ร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก แหล่งท่องเที่ยว ที่มีแอปพลิเคชัน “ถุงเงิน” ทุกแห่ง
ที่ปรากฏอยู่ในรายการนำเที่ยวตามที่เสนอบน www.ทัวร์เที่ยวไทย.ไทย
- วันสิ้นสุดการเดินทาง
ประชาชนต้องยืนยันตัวตนในแอปพลิเคชัน “ถุงเงิน” ของผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยว โดยสแกนใบหน้า ณ จังหวัดที่พักสุดท้ายของการเดินทางตามรายการนำเที่ยว
ข้าพเจ้าได้อ่านรับทราบและตกลงยินยอมปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของโครงการฯ ข้าพเจ้าขอรับรองว่าข้อมูลที่ข้าพเจ้าได้ให้ไว้ในการลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ ถูกต้องตามความเป็นจริง ทุกประการ หากข้อมูลดังกล่าวไม่ถูกต้องตามความเป็นจริง ข้าพเจ้าตกลงยินยอมให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการระงับการจ่ายเงินตามโครงการฯ หรือยินยอมคืนเงินที่ได้รับพร้อมดอกเบี้ยแล้วแต่กรณี ทั้งนี้ ไม่ระงับซึ่งสิทธิของรัฐในอันที่จะดำเนินการตามกฎหมาย